หัวข้อที่สำคัญ
รูจักมะพร้าวน้ำหอม ให้ดีเสียก่อน

ที่มาของชื่อ “น้ำหอม”
ขอขบคุณข้อมูลจาก honestdocs
มะพร้าวน้ำหอม นิยมปลูกเพื่อขายผลอ่อน ซึ่งมีผลไม้ไม่กี่ชนิดนัก ที่ผลอ่อนนำมาขายได้ น้ำมีรสหวานและหอมกลิ่นคล้ายใบเตย เนื้อก็หวานเช่นกันแต่ไม่หวานมากนัก หลายท่านชื่นชองในการดื่มน้ำเมื่อแช่เย็นแล้ว จะรู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมาก มะพร้าวสายพันธุ์นี้มีคุณค่าทางโภชนาการสูง แถมยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย โดยเฉพาะเมื่อปี 2563 ช่วงปลายปีมีข่าวว่า ภรรยาไปแจ้งความที่โรงพัก เพื่อขอเลิกกับสามี เพราะขยันทำการบ้านไม่หยุดหย่อน ตำรวจจึงสอบถามว่าอายุมากแล้ว ทำได้ยังไงก็ได้รับคำตอบว่า ชอบดื่มน้ำมะพร้าวเป็นประจำ เลยมีเรี่ยวแรงเหลือเฟือ หลังจากข่าวแพร่ออกไป ราคาผลอ่อนก็ดีดขึ้นไปลูกละ 25 บาทจากหน้าสวน คนที่ซื้อจากแม่ค้าก็มีราคาถึง 50 บาท แต่ราคาก็ซาลงในช่วงปลายปี 2564 เรื่อยมา
มะพร้าวอ่อนเดิมมีปลูกอยู่แล้ว ตามจังหวัดชายทะเลทั้งภาคใต้ ภาคตะวันออก พันธุ์ที่รู้จักกันดี คือ มะพร้าวหมูสี ซึ่มีทั้ง สีเขียว สีแดง (ชมพูเข้ม) และสีเหลืองอ่อน ซึ่งน้ำมีรสชาดหวาน แต่ไม่หอมมากนัก ต่อมามีการนำมะพร้าวหมูสีเขียว ไปปลูกในพื้นที่ อำเภอนครชัยศรี ได้น้ำ ที่มีรสชาดหอมคล้ายกลิ่นใบเตย จึงมีชื่อเรียกว่า "น้ำหอม สามพราน" ต่อมามีการขยายไปปลูกในหลายพื้นที่ จึงมีชื่อเรียกไปตามพื้นที่ปลูก เช่น "น้ำหอม ดำเนิน" "น้ำหอม บ้านแพ้ว" เป็นต้น
ความแตกต่างจากมะพร้าวทั่วไป
ตั้งแต่โบราณมาแล้ว เราจำแนกมะพร้าวเป็น 2 ชนิด คือ
- มะพร้าวแกง
มะพร้าวที่มีต้นสูง เก็บเกี่ยวตอนมีผลแก่จัด เรียกว่า "มะพร้าวห้าว" เพื่อนำไปคั้นเอากะทิ ใช้ในการปรุงอาหาร หรือแก่แต่ยังไม่จัดก็มี เรียกว่า "ทึนทึก" เพื่อนำเนื้อไปขูดทำขนมไทย - มะพร้าวอ่อน
มีต้นเตียและเล็กกว่า นิยมเก็บตอนผลอ่อน เพื่อดื่มน้ำ หรือนำไปทำขนม และเครื่องดื่ม เนื้อใช้สำหรับรับประทานสดมากกว่าการแปรรูป มะพร้าวน้ำหอมก็จัดอยู่ในประเภทนี้ด้วย
พันธุ์ต้นเตี้ย คือพันธุ์ไหน
ชาวสวนหลายท่านเมื่อปลูกจนได้ผลผลิตเพียงพอต่อความต้องการแล้ว จึงนำผลแก่มาเพาะพันธุ์ขายให้คนอื่นบ้าง โดยเทคนิคการขายมัก โฆษณาว่า พันธุ์สามพรานบ้าง พันธุ์ดำเนินบ้าง ต่อมามีคนขายมากขึ้น ชื่อพันธุ์ก็ซ้ำกันจึงนำรูปภาพมาประกอบการขายด้วย โดยนิยมนำรูปมะพร้าวที่มีลูกดก ต้นเตี้ยมาอวดลูกค้า ทำให้ลูกค้าเข้าใจว่าเป็นพันธุ์ที่มีต้นเตี้ย และลูกดก ซึ่งก็มีความเป็นจริงเพราะ มะพร้าวอ่อนที่เพาะพันธุ์ขายกันในปัจจุบัน เป็นพันธุ์ที่เพาะเนื้อเยื่อจากต้นแม่ที่ลำต้นเตี้ย มีน้ำที่รสชาดหอมหวาน และลูกดกจริง แต่การเจริญเติบโตของต้นไม้ ย่อมสูงขึ้นตลอดเวลาตามธรรมชาติ แรกปลูก 3 ปีติดจั่น แต่มีไม่กี่ลูก 5 ปี ติดลูกแบบดกมาก ทั้งที่ลำต้นยังเตี้ยอยู่ แต่พออายุได้ 10 ปี ลำต้นจะสูงเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ จึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด

มะพร้าวน้ำหวาน คือพันธุ์ไหน
มีชาวสวนหลายรายขายต้นพันธุ์มะพร้าวน้ำหวานด้วยในปัจจุบัน แล้วมะพร้าวน้ำหวานเป็นพันธุ์ไหนล่ะ? เท่าที่ดูรูปลักษณ์ภายนอก แทบจะไม่แตกต่างกัน เพียงแต่หลายคนบอกว่าพันธุ์น้ำหอมผิวย่น พันธุ์น้ำหวานผิวตึง ซึ่งยังไม่มีข้อสรุปสำหับเรื่องนี้ เท่าที่ค้นหาข้อมูล มะพร้าวน้ำหวานน่าจะเป็นมะพร้าวหมูสีเขียว นี่แหล่ะ แต่ก็มีหลายท่านเถียงว่า มะพร้าวน้ำหวานต้นเตี้ยกว่ามะพร้าวหมูสี ซึ่งปัจจุบันเท่าที่เคยเยี่ยมชมสวนมะพร้าว มะพร้าวน้ำหวานให้ผลผลิตตอนต้นเตี้ยจริงๆ แต่รูปลักษณ์ของผลผลิตไม่แตกต่างจากมะพร้าวหมูสี จึงไม่มีข้อมูลมาอธิบาได้ในตอนนี้ว่ามะพร้าวน้ำหวานนั้น แตกกอมาจากวายพันธุ์ไหนกันแน่
มะพร้าวพวงร้อย - พวงทอง
แม้ว่าจะมีมะพร้าวหลายสายพันธุ์ แต่ในปัจจุบัน เรามักพบเห็นมะพร้าวเผาลูกเล็กๆ วางขายข้างทางเยอะมาก ซึ่งเป็นมะพร้าวพวงร้อย บางท่านเรียกว่ามะพร้างพวงทอง ซึ่งให้ผลผลิตถึง 70 ลูก ในทะลายเดียว และต้นเตี้ยเหมือนกัน แต่ราคาขายส่งมีราคาถูกกว่าพันธุ์น้ำหอม และพันธุ์น้ำหวาน จึงนิยมนำมาทำมะพร้าวเผากันเยอะขึ้น เช่นเดียวกับการลดขนาดสินค้า แต่ขายราคาเดิม ตามสภาพเศรษฐกิจนั่นเอง มะพร้าวพวงร้อย จึงเป็นสายพันธุ์เศรษฐกิจอีกสายพันธุ์หนึ่ง ที่ชาวสวนนิยมปลูก เพราะทำเงินได้มากนั่นเอง
ปัจจัยที่ทำให้น้ำหอม
การปลูกให้มีน้ำหอม และน้ำหวาน โดยปกติแล้วธรรมชาติของมะพร้าว จะดูดน้ำจากราก ขึ้นไปเลี้ยงลำต้น และผลผลิต จากการทดลองปลูกต้นเตยหอมรอบโคนมะพร้าว พบว่ามะพร้าวต้นดังกล่าวมีน้ำมะพร้าวที่หอมกลิ่นใบเตยได้ด้วย แต่สวนมะพร้าวละแวกบ้านแพ้ว และดำเนินสะดวก รวมทั้งสามพราน ไม่ได้ปลูกต้นเตยหอมที่โคนต้น ก็มีกลิ่นหอมคล้ายใบเตยเช่นเดียวกัน โดยชาวสวนแนะนำว่า ธาตุอาหารในดินทำให้มีกลิ่นหอมดีกว่า เช่นเดียวกันหากเรานำมะพร้าวไปปลูกโดยไม่ดูแลอย่างดี คือให้น้ำบ้าง ห่างๆ ให้ปุ๋ยบ้าง ห่างๆ ถึงแม้เราจะซื้อพันธุ์น้ำหอมแท้ ก็ได้ผลผลิตที่ไม่มีกลิ่นหอมเหมือนต้นแม่นะ จะบอกให้
การแปรรูป
โดยปกติมะพร้าวอ่อน ขายดีในทุกรูแบบ ทั้งขายผลสด ด้วยการฟันให้ลูกค้าสดๆ หน้าร้าน แล้วเสียบหลอดดูดเข้าไปก็ชื่นใจแล้ว แต่บางฤดูมีผลผลิตเยอะ จนขายไม่ทันก็จำเป็นต้องมีการปแรรูป การแปรรูปที่นิยมมากที่สุดคือ
- การนำน้ำมะพร้าวไปขายต่อ ในปัจจุบันมีทั้ง การต้ม การสเอตร์รีไรท์ และใส่สารกันบูด เพื่อให้มีอายุที่ยืนยาวกว่าธรรมชาติ บางคนก็เติมรสชาดเพิ่มลงไปอีกด้วย
- น้ำมะพร้าวปั่น กาแฟน้ำมะพร้าว ก็เป็นเมนูฮิต ของใครหลายๆ คนทีเดียว
- มะพร้าวเผา ปัจจุบันนิยมใช้มะพร้าวพวงร้อยมากที่สุด เพราะมีราคาต้นทุนที่ถูก แต่ขายได้ในราคาดี
- นำไปทำขนมไทย มะพร้าวอ่อน นอกจากทานสดแล้วยังนำไปทำขนมได้อีกหลายชิดทีเดียว ทั้งผสมในวุ้น ในขนมหวานอีกหลายชนิด
- วุ้นมะพร้าว คือการนำน้ำมะะร้าวมาผสมผงวุ้น และใส่เนื่อมะพร้าวลงไป ใส่ทุกอย่างลงในลูกมะพร้าว ก็เป็นเมนูขายดีอีกเช่นเดียวกัน
- นอกจากนี้ ปัจจุบันมีการแปรรูปอีกหลายอย่าง โดยมุ่งเน้นการส่งออกไปต่างประเทศ ซึ่งมะพร้าวอ่อนจากประเทศไทย เป็นที่นิยมในประเทศแถบ ยุโรป และอเมิรกามาก
วิธีดื่ม “น้ำมะพร้าว” แบบไหนดีที่สุด?
- น้ำมะพร้าว กับ ประจำเดือน
มีข้อมูลทางโภชนาการจากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า หากดื่มน้ำมะพร้าวในช่วงก่อนมีประจำเดือน จะทำให้ประจำเดือนเลื่อน หรือมาช้ากว่าปกติ ทั้งนี้เกิดขึ้นเฉพาะกับผู้หญิงบางคนเท่านั้น ไม่ใช่ทุกคน เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ปริมาณน้ำมะพร้าวที่ดื่ม, ปริมาณฮอร์โมนในน้ำมะพร้าวแต่ละลูก ซึ่งไม่เท่ากัน, การตอบสนองต่อฮอร์โมนในน้ำมะพร้าวของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน
ดังนั้นสาวๆ ไม่ต้องกังวลจนเกินเหตุ ถึงจะมีประจำเดือนก็สามารถดื่มน้ำมะพร้าวได้ปกติในปริมาณที่เหมาะสม แต่ถ้าจะให้ดี ควรดื่มหลังจากประจำเดือนหมดจะดีที่สุด จะช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังเสียเลือดจำนวนมาก (บางคนอาจดูซูบซีด อ่อนเพลีย) ให้ร่างกายกลับมาสดใส แข็งแรง สุขภาพดี - ดื่มน้ำมะพร้าวก่อนนอน
จริงๆ แล้วยังไม่มีการทำวิจัยหรือผลงานวิจัยอย่างแน่ชัดในเรื่องนี้ แต่มีกูรูสายสุขภาพหลายคนแนะนำว่า การดื่ม "น้ำมะพร้าว" ก่อนนอนเชื่อว่าจะช่วยฟื้นฟูและบำรุงร่างกายได้ดีในเวลาที่เรานอนหลับ ส่งผลให้ดูดซึมสารอาหารได้ดี ช่วยชะลอความแก่ บำรุงผิวพรรณให้สดใส ตื่นขึ้นมาผิวพรรณจะได้เด้ง เปล่งปลั่ง สดชื่น - ดื่มเมื่อท้องเสีย อ่อนเพลีย
หากวันดีคืนดีสาวๆ เกิดมีอาการท้องเสียจากอาหารเป็นพิษ ถ่ายท้องหลายรอบ จนรู้สึกอ่อนเพลีย ตอนนี้นี่แหละ...เหมาะสำหรับการดื่มน้ำมะพร้าว เพราะสามารถใช้ทดแทนน้ำเกลือแร่ได้เลย ลดอาการขาดน้ำ ช่วยให้มีพลังงาน ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองได้เร็ว แต่ถ้าเป็นหนักๆ ยังไงก็ต้องไปหาหมอนะคะ กินน้ำมะพร้าวอย่างเดียวไม่หายค่ะ - ดื่มชะลอความแก่
สำหรับวัยรุ่น วัยเรียน หรือวัยที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน สามารถดื่มน้ำมะพร้าวได้ทุกวัน วันละไม่เกิน 1 ลูก และเราขอเน้นย้ำว่า ควรเป็นน้ำมะพร้าวที่สดๆ จากลูกมะพร้าว สะอาด ปราศจากการปนเปื้อน ควรหาซื้อจากร้านที่ไว้ใจได้เท่านั้น
ส่วน "ผู้หญิง" วัยกลางคนและสตรีวัยทอง แนะนำให้ดื่มน้ำมะพร้าวเป็นประจำ สัปดาห์ละ 2-3 ลูกก็พอค่ะ จะช่วยชะลอความแก่ ปรับสมดุลฮอร์โมนเพศหญิงให้สมดุล - ดื่มให้ปลอดภัยสำหรับผู้ป่วย
เห็นประโยชน์เยอะๆ แบบนี้ ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะดื่มได้เยอะๆ มีข้อแนะนำสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานและผู้ป่วยโรคไต ให้ระมัดระวังในการดื่มน้ำมะพร้าว ดังนี้- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน : แม้จะเป็นเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลน้อย แต่ในน้ำมะพร้าวก็ยังมีคาร์โบไฮเดรต ซึ่งก็จะย่อยและเปลี่ยนเป็นน้ำตาลอยู่ดี ดังนั้นผู้ป่วยโรคเบาหวานไม่ควรดื่มเยอะหรือบ่อยเกินไป แนะนำให้ดื่มไม่เกิน 1-2 ลูกต่อสัปดาห์
- ผู้ป่วยโรคไต : เนื่องจากน้ำมะพร้าวมีสารที่ช่วยขับปัสสาวะ ถ้าร่างกายขับปัสสาวะบ่อยๆ หรือมากเกินไป อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำ ผู้ป่วยโรคไตอาจหัวใจวายได้ แนะนำให้ดื่มไม่เกิน 1-2 ลูกต่อสัปดาห์
- ผู้ป่วยหัวใจเต้นผิดจังหวะ : เนื่องจากน้ำมะพร้าวมีโพแทสเซียมสูง ถ้าดื่มเยอะเกินไปอาจสร้างปัญหาให้หัวใจได้เช่นกัน แนะนำให้ดื่มไม่เกิน 1-2 ลูกต่อสัปดาห์

วิธีดื่ม “น้ำมะพร้าว” แบบไหนดีที่สุด?
- น้ำมะพร้าว กับ ประจำเดือน
มีข้อมูลทางโภชนาการจากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า หากดื่มน้ำมะพร้าวในช่วงก่อนมีประจำเดือน จะทำให้ประจำเดือนเลื่อน หรือมาช้ากว่าปกติ ทั้งนี้เกิดขึ้นเฉพาะกับผู้หญิงบางคนเท่านั้น ไม่ใช่ทุกคน เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ปริมาณน้ำมะพร้าวที่ดื่ม, ปริมาณฮอร์โมนในน้ำมะพร้าวแต่ละลูก ซึ่งไม่เท่ากัน, การตอบสนองต่อฮอร์โมนในน้ำมะพร้าวของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน
ดังนั้นสาวๆ ไม่ต้องกังวลจนเกินเหตุ ถึงจะมีประจำเดือนก็สามารถดื่มน้ำมะพร้าวได้ปกติในปริมาณที่เหมาะสม แต่ถ้าจะให้ดี ควรดื่มหลังจากประจำเดือนหมดจะดีที่สุด จะช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังเสียเลือดจำนวนมาก (บางคนอาจดูซูบซีด อ่อนเพลีย) ให้ร่างกายกลับมาสดใส แข็งแรง สุขภาพดี - ดื่มน้ำมะพร้าวก่อนนอน
จริงๆ แล้วยังไม่มีการทำวิจัยหรือผลงานวิจัยอย่างแน่ชัดในเรื่องนี้ แต่มีกูรูสายสุขภาพหลายคนแนะนำว่า การดื่ม "น้ำมะพร้าว" ก่อนนอนเชื่อว่าจะช่วยฟื้นฟูและบำรุงร่างกายได้ดีในเวลาที่เรานอนหลับ ส่งผลให้ดูดซึมสารอาหารได้ดี ช่วยชะลอความแก่ บำรุงผิวพรรณให้สดใส ตื่นขึ้นมาผิวพรรณจะได้เด้ง เปล่งปลั่ง สดชื่น - ดื่มเมื่อท้องเสีย อ่อนเพลีย
หากวันดีคืนดีสาวๆ เกิดมีอาการท้องเสียจากอาหารเป็นพิษ ถ่ายท้องหลายรอบ จนรู้สึกอ่อนเพลีย ตอนนี้นี่แหละ...เหมาะสำหรับการดื่มน้ำมะพร้าว เพราะสามารถใช้ทดแทนน้ำเกลือแร่ได้เลย ลดอาการขาดน้ำ ช่วยให้มีพลังงาน ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองได้เร็ว แต่ถ้าเป็นหนักๆ ยังไงก็ต้องไปหาหมอนะคะ กินน้ำมะพร้าวอย่างเดียวไม่หายค่ะ - ดื่มชะลอความแก่
สำหรับวัยรุ่น วัยเรียน หรือวัยที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน สามารถดื่มน้ำมะพร้าวได้ทุกวัน วันละไม่เกิน 1 ลูก และเราขอเน้นย้ำว่า ควรเป็นน้ำมะพร้าวที่สดๆ จากลูกมะพร้าว สะอาด ปราศจากการปนเปื้อน ควรหาซื้อจากร้านที่ไว้ใจได้เท่านั้น
ส่วน "ผู้หญิง" วัยกลางคนและสตรีวัยทอง แนะนำให้ดื่มน้ำมะพร้าวเป็นประจำ สัปดาห์ละ 2-3 ลูกก็พอค่ะ จะช่วยชะลอความแก่ ปรับสมดุลฮอร์โมนเพศหญิงให้สมดุล - ดื่มให้ปลอดภัยสำหรับผู้ป่วย
เห็นประโยชน์เยอะๆ แบบนี้ ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะดื่มได้เยอะๆ มีข้อแนะนำสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานและผู้ป่วยโรคไต ให้ระมัดระวังในการดื่มน้ำมะพร้าว ดังนี้- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน : แม้จะเป็นเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลน้อย แต่ในน้ำมะพร้าวก็ยังมีคาร์โบไฮเดรต ซึ่งก็จะย่อยและเปลี่ยนเป็นน้ำตาลอยู่ดี ดังนั้นผู้ป่วยโรคเบาหวานไม่ควรดื่มเยอะหรือบ่อยเกินไป แนะนำให้ดื่มไม่เกิน 1-2 ลูกต่อสัปดาห์
- ผู้ป่วยโรคไต : เนื่องจากน้ำมะพร้าวมีสารที่ช่วยขับปัสสาวะ ถ้าร่างกายขับปัสสาวะบ่อยๆ หรือมากเกินไป อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำ ผู้ป่วยโรคไตอาจหัวใจวายได้ แนะนำให้ดื่มไม่เกิน 1-2 ลูกต่อสัปดาห์
- ผู้ป่วยหัวใจเต้นผิดจังหวะ : เนื่องจากน้ำมะพร้าวมีโพแทสเซียมสูง ถ้าดื่มเยอะเกินไปอาจสร้างปัญหาให้หัวใจได้เช่นกัน แนะนำให้ดื่มไม่เกิน 1-2 ลูกต่อสัปดาห์
น้ำมะพร้าว’ ช่วยเรื่องสมรรถภาพทางเพศ จริงหรือ?
เกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้ นายแพทย์ กัมปนาท พรยศไกร ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ แอดมินแฟนเพจเฟซบุ๊ก Sarikahappymen เปิดเผยเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ว่าเมื่อวันก่อน หลายคนคงเห็นข่าวนึงน่าสนใจนะครับที่ว่าภรรยามาแจ้งความขอเลิกกับสามีอายุ 64 เนื่องจากทนความฟิตไม่ไหว จัดไปวันละ 4 ยก ซึ่งเค้าบอกน่าจะเป็นเพราะสามีเสพน้ำมะพร้าวทุกวัน ทำให้เครื่องฟิตสตาร์ทติดง่ายแบบนี้ ซึ่งเรื่องจริงเป็นอย่างไรวันนี้เราเลยมาเล่าให้ฟังนะครับ
“จริงๆ หลายคนคงได้ยินเรื่องสรรพคุณของน้ำมะพร้าวกันมานานแล้วนะครับว่า นอกจากจะใช้ล้างหน้าให้สะอาดสดชื่นแล้ว ในสมัยโบราณ น้ำมะพร้าวยังมีสรรพคุณเป็นเครื่องดื่มบำรุงกำลังทางเพศได้ด้วยนะครับ เนื่องจากในน้ำมะพร้าวจะมีฮอร์โมนไฟโตเอสโตรเจน (phytoestrogen) ที่มีโครงสร้างและการออกฤทธิ์คล้ายคลึงกับฮอร์โมนเอสโตรเจน (ฮอร์โมนเพศหญิง) ครับ ซึ่งจะช่วยลดอาการร้อนวูบวาบ อารมณ์แปรปรวนผันผวน และเหงื่อออกกลางคืนในสตรีวัยทองได้ครับ
“และเจ้าฮอร์โมนเอสโตรเจนตัวนี้แหละทำให้ผู้หญิงผิวพรรณเปล่งปลั่งเต่งตึงอวบอูมโหนกนูนดูมีน้ำมีนวลขึ้นมา ดังนั้น สาวๆ หลายคนที่ดื่มน้ำมะพร้าวเป็นประจำหน้าตาก็จะดูผ่องใสตัว ห อ ม ครับ
“ส่วนในผู้ชายนั้น พบว่า การดื่มน้ำมะพร้าวมีส่วนช่วยเพิ่มระดับของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชายได้นิดหน่อย ซึ่งก็อาจทำให้เกิดความหื่นขึ้นได้บ้าง แต่ก็ยังต้องศึกษากันต่อไปนะครับ"
ฟาร์มอยู่ดี มีสุข มีประสบการณ์ในการปลูก ไม่ถึง 20 ปี จึงไม่อาจใช้ความรู้เพียงน้อยนิด มาแนะนำลูกค้าได้ เราขอแนะนำวิธีและเทคนิค ของคุณแดง มาประกอบ (คนเกษตรแม่โจ้) ซึ่งเป็นมืออาชีพ และมีประสบการณ์อย่างยาวนาน เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้เป็นแนวทางในการปลูก ซึ่งซื้อต้นพันธุ์ไปจากเราครับ
ลุงแดง ปลูกอย่างไรล่ะ?
ลุงแดง ปลูกมะพร้าวน้ำหอม จำนวน 15 ไร่ ปลูกในระยะห่าง 4×6 เมตร ได้จำนวน 950 ต้น… 1 ไร่ ปลูกได้ 66 ต้น มีอยู่ 2 พันธุ์ ด้วยกัน คือพันธุ์ตูดจีบบ้านแพ้ว และพันธุ์ดำเนินต้นเตี้ย มีจุดเด่นแตกต่างกัน
- ตูดจีบบ้านแพ้ว ลักษณะเด่น จะได้ผลที่ใหญ่ การออกผลหลังปลูก เฉลี่ย 3 ปี
- ดำเนินต้นเตี้ย มีลักษณะใกล้เคียงกับตูดจีบบ้านแพ้ว สันนิษฐานว่าสายพันธุ์อาจจะผสมกัน แต่ดำเนินต้นเตี้ยอาจจะมีพวงร้อยเข้ามาผสมอยู่บ้าง
มะพร้าวที่ปลูกจำนวน 15 ไร่ ปลูกในระยะห่าง 4×6 เมตร ได้จำนวน 950 ต้น… 1 ไร่ ปลูกได้ 66 ต้น
ใช้วิธีการไถดะผาล 3 แล้วไถแปร ขุดหลุมเพียงหน้าจอบเดียวแล้วปลูก คือแค่ให้ถมได้ครึ่งลูก แล้วไถยกร่องอีกครั้งหนึ่ง และทำร่องมาอยู่ข้างๆ เพื่อการจัดการในอนาคต ขับซาเล้งเข้ามาเก็บได้เลย ไม่ต้องใช้แรงงานขนออกมาจากสวน ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายได้มาก สวนมะพร้าวทั่วไปจะอยู่ตรงกลาง
ปลูกอย่างไรให้เตี้ย?
- ควรปลูกโดยเอนยอดเฉียง หันยอดไปทิศที่มีน้ำ หรือทิศตะวันออก ในหลุมปลูกขนาด 50x50 เซ็นติเมตร และดินต้องกลบครึ่งลูก ถ้ากลมมิดลูก ต้นมะพร้าวจะไม่โตเลย เพราะเขาต้องการเเสงเเดด ในการผลิตสารอาหารหล่อเลี้ยงลำต้น
- โรยเกลือ 1 กำมือ เพื่อป้องกันปลวกมากินกะลามะพร้าว รดน้ำเช้า-เย็น พอชุ่ม
- ใส่ปุ๋ยคอกเมื่อมะพร้าวเริ่มแทงยอด และคลุมโดคนด้วยเปลือกมะพร้าวสับหยาบ รดน้ำพอชุ่ม



มะพร้าวต้นเตี้ย เป็นอย่างไร?
มะพร้าว เป็นต้นไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งตามธรรมชาติของต้นไม้ จะมีต้นสูงขึ้นไปตามอายุ ปัจจุบันยังไม่มีวิธีทางวิทยาศาสตร์ ในการคิดค้นพันธุ์มะพร้าว ให้มีต้นเตี้ยไปตลอดชีวิต แต่การฝืนธรรมชาติให้มีลักษณะลำต้นเตี้ย สามารถทำได้บ้างแต่ก็เสียบางอย่างไป เช่นกัน
- ต้นเตี้ยจากการปลูก หากปลูกตามคำแนะนำด้านบน เราพบว่ามะพร้าว จะมีลูกได้เร็วในขณะที่ต้นยังเตี้ย คือ อายุ 3 ปี เริ่มติดจั่นและติดลูกบ้าง ในลักษณะลูกติดดินเลยทีเดียว แต่เมื่ออายุ 7 ปีขึ้นไปลำต้นก็จะสูงขึ้นตามธรรมชาติ
- ต้นเตี้ยจากพื้นที่ปลูก หากเราปลูกในที่โล่ง โดนแดดทั้งวัน มะพร้าวจะมีลำต้นเตี้ยกว่าการปลูกในที่ร่มครึ้ม เพราะมะพร้าวต้องการแดดในการสังเคราะห์อาหารมาก หากปลูกในที่ร่ม ต้นจะสูงเร็วกว่าปลูกในที่แจ้ง
- ต้นเตี้ยจากการดูแล มะพร้าวที่มีใบสีเขียวเข้ม จะมีลำต้นอวบใหญ่และเตี้ยกว่ามะพร้าวที่มีใบสีเขียวอ่อน ค่อนไปทางเหลือง ซึ่งจะมีลำต้นเล็กและสูงเพรียว และมะพร้าวที่มีใบสีเขียวเข้มติดจั่นเร็วกว่าอีกด้วย
ศัตรู และโรคมีมั๊ย?
มันมาได้เกือบทุกเวลา เพราะนี่คืออาหารอันโอชะของมัน…กรมวิชาการเกษตร แนะเกษตรกรเฝ้าระวังสวนมะพร้าว ในช่วงอากาศร้อน ลมกระโชกแรง มีฝนตกหนัก และหนาวในเวลากลางคืน ขอให้เกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวเฝ้าระวังด้วงแรดมะพร้าว มักเข้าทำลายได้ในทุกระยะการเจริญเติบโตของต้นมะพร้าว เพราะฉะนั้น นิ่งนอนใจไม่ได้ เพราะนี้คืออาหารอันโอชะของมัน…และถูกทำลายมากมะพร้าวอาจถึงตายได้
ให้สังเกตการเข้าทำลายของด้วงแรดมะพร้าว จะพบตัวเต็มวัยบินขึ้นไปกัดเจาะโคนทางใบหรือยอดอ่อนของมะพร้าว โดยเจาะทำลายยอดอ่อนที่ใบยังไม่คลี่ ทำให้ใบใหม่ไม่สมบูรณ์ มีรอยขาดแหว่งเป็นริ้วๆ คล้ายหางปลาหรือรูปพัด กรณีถูกทำลายมาก ใบใหม่แคระแกรน รอยแผลถูกกัดเป็นช่องทางให้ด้วงงวงมะพร้าวเข้ามาวางไข่ หรือเกิดยอดเน่าจนถึงต้นตายได้ในที่สุด
สำหรับในระยะตัวหนอน จะพบตามพื้นดินบริเวณกองปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอก ซึ่งตัวหนอนจะเจาะชอนไชกัดกินและทำลายระบบรากของมะพร้าวปลูกใหม่ ทำให้ยอดเหี่ยวและแห้งเป็นสีน้ำตาล ต้นแคระแกรน ไม่เจริญเติบโต
วิธีป้องกันกำจัด
หากพบการเข้าทำลายของด้วงแรดมะพร้าว เกษตรกรควรใช้วิธีป้องกันกำจัดแบบผสมผสาน 3 วิธี คือ วิธีเขตกรรม ชีววิธี และการใช้สารเคมี
- สำหรับวิธีเขตกรรม ให้เกษตรกรหมั่นรักษาความสะอาดและกำจัดเศษวัสดุต้นมะพร้าวบริเวณสวนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกำจัดแหล่งขยายพันธุ์ กรณีมีกองปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก กองขยะ กองขี้เลื่อย กองแกลบ ควรกำจัดออกไปจากสวนมะพร้าว หรือกองให้เป็นที่แล้วหมั่นกลับกองเพื่อตรวจดูหนอนด้วงแรดมะพร้าว หากพบหนอนให้จับมาทำลายหรือเผากองนั้นทิ้งทันที
ส่วนลำต้นและตอมะพร้าวที่โค่นทิ้งไว้ หรือมะพร้าวที่ยืนต้นตายควรโค่นลงมาเผาทำลาย
กรณีต้นมะพร้าวที่ถูกตัดแล้วยังสดอยู่ ให้นำมาทำกับดักล่อให้ด้วงมาวางไข่ โดยให้ตัดทอนออกเป็นท่อนสั้นๆ วางเรียงรวมกันไว้ให้เปลือกมะพร้าวติดกับพื้นดิน เพราะด้วงจะวางไข่บริเวณที่ชุ่มชื้นสูงและผุเร็ว จากนั้น ให้เกษตรกรเผาทำลายท่อนกับดักเพื่อกำจัดทั้งไข่ หนอน และดักแด้ของด้วงแรดมะพร้าว สำหรับตอมะพร้าวที่เหลือให้ใช้น้ำมันเครื่องที่ใช้แล้วราดให้ทั่วตอเพื่อป้องกันการวางไข่ได้
- นอกจากนี้ การใช้ชีววิธีในการกำจัด ให้เกษตรกรใช้เชื้อราเขียวเมตาไรเซียมใส่ตามกองขยะ-ปุ๋ยคอก หรือกับดักท่อนมะพร้าวที่มีหนอนด้วงอาศัยอยู่ และเกลี่ยเชื้อให้กระจายทั่วกอง เพื่อให้เชื้อมีโอกาสสัมผัสกับตัวหนอนให้มากที่สุด จากนั้นรดน้ำให้ความชื้นและหาวัสดุใบมะพร้าวคลุมกองไว้ เพื่อรักษาความชื้นและป้องกันแสงแดด ซึ่งเชื้อราเขียวเมตาไรเซียมจะเข้าทำลายในทุกระยะการเจริญเติบโตของด้วงแรดมะพร้าว
- ส่วนการใช้สารเคมีในต้นมะพร้าวอายุ 3-5 ปี ที่ยังไม่สูงมากนัก ให้ใช้ลูกเหม็นใส่บริเวณคอมะพร้าวที่โคนทางใบรอบๆ ยอดอ่อน ทางละ 2 ลูก ต้นละ 6-8 ลูก กลิ่นของลูกเหม็นจะไล่ไม่ให้ด้วงบินเข้าไปทำลายคอมะพร้าว
กรณีระบาดมาก ให้ใช้สารฆ่าแมลงคลอร์ไพริฟอส 40% อีซี หรือสารไดอะซินอน 60% อีซี หรือสารคาร์โบซัลแฟน 20% อีซี ชนิดใดชนิดหนึ่ง อัตรา 80 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร ราดบริเวณคอมะพร้าวให้เปียกตั้งแต่โคนยอดอ่อนลงมา โดยใช้ปริมาณ 1-1.5 ลิตร ทุก 15-20 วัน และควรใช้ 1-2 ครั้งในช่วงระบาด
“อย่างไรก็ตาม หากเกษตรกรมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแมลงศัตรูมะพร้าวระบาดภายในสวน โดยไม่แน่ใจว่าเป็นแมลงศัตรูชนิดใด ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร หรือศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร ของกรมวิชาการเกษตรในส่วนภูมิภาคซึ่งมีอยู่ทั้ง 8 เขตทั่วประเทศเพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจและให้คำแนะนำวิธีการป้องกันกำจัดที่ถูกต้อง หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มกีฏและสัตววิทยา สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร โทรศัพท์ 0-2579-7580 และ 0-2579-5583 ต่อ 133, 134”
บทสรุป
ปี 2564 เป็นปีทองของผู้ปลูกขาย เพราะมีราคาแพง และมีความต้องการสูง แต่ในขณะเดียวกันก็มีศัตรู (ด้วงมะพร้าว) ระบาดเยอะเช่นเดียวกัน เกษตรกรผู้ปลูก ควรเรียนรู้วิธีกำจัดด้วงมะพร้าวแบบยั่งยืน เพื่อให้ได้ผลผลิตในระยะยาว อีกทั้งปัจจุบันมะพร้าวทุกสายพันธุ์ แทบแยกกันไม่ออก ขอให้เรียนรู้วิธีปลูกและบำรุงต้น บำรุงผลให้ดี ก็เพียงพอที่จะทำเป็นอาชีพได้ตลอดไป
ที่สำคัญมะพร้าวมีทางใบที่ยาว ควรเว้นระยะห่างระหว่างต้นอย่างน้อย 6 เมตร และปลูกพืชแซมเพื่อสร้างรายได้เสริม เช่น หมากสูง เป็นพืชแซมยอดนิยม ที่ทำรายได้งามเช่นเดียวกับมะพร้าว ในปัจจุบัน