กล้วยหอมทองปทุม
เป็นผลไมที่นิยมรับประทานเป็นอย่างมากทั้งในเด็ก และผใหญ่ เนื่องจาก มีเนื้อนุ่มเหนียวและมีกลิ่นหอมแรงกว่ากล้วยอื่นๆ จึงทำให้นิยมปลกู และส่งออกไปยังต่างประเทศจำนวนมาก โดยมีตลาดหลักที่ประเทศทางยุโรป และอเมริกา
กล้วยหอมในประเทศไทยมีอยู่ 2 ชนิด คือกล้วยหอมทอง และกล้วยหอมเขียว ซึ่งมีลักษณะผลคล้ายกัน และขนาดใกล้เคียงกัน แต่จะแตกต่างกันที่ลักษณะของลำต้น และกล้วยหอมเขียวจะสุกรับประทานได้ในขณะที่ผลยังเขียว ส่วนกล้วยหอมทองจะเริ่มสุกและรับประทานได้เมื่อผลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง แต่โดยทั่วไปเมื่อนึกถึงกล้วยหอมก็จะเข้าใจเฉพาะกล้วยหอมทองเป็นส่วนใหญ่
ปทุมธานีครองแชมป์ผลผลิต “กล้วยหอมทองปทุม” ขึ้นทะเบียน GI ส่งออก ทำรายได้ปีละกว่า 500 ล้านบาทจุดเด่นอยู่ที่การปลูกแบบร่องสวน และไม่ใช้สารเคมี ทำให้ผลผลิตได้คุณภาพ รูปทรงดี ผิวและสีสวยมีความคงทนในการขนส่ง และควบคุมการผลิตได้ ถือเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ทั้งปริมาณ คุณภาพ และพื้นที่ปลูก ด้านการตลาดส่งจำหน่ายตลาดค้าส่งผักผลไม้ ได้แก่ ตลาดไท ตลาดสี่มุมเมืองทั้งนี้การปลูกจะใช้เวลา 8 เดือน และผลผลิตของกล้วยหอมทองปทุมออกมากสุดช่วงเทศกาลตรุษจีน ราคาหน้าสวน 12-15 บาท/กิโลกรัม (กก.) ต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 5 บาท/กก.
กระทรวงพาณิชย์ได้ขึ้นทะเบียนกล้วยหอมปทุมเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) แล้ว ดังนั้นจึงมุ่งเน้นให้มีผลผลิตต่อต้นมากขึ้น จากเดิม 5 หวี/ต้น ให้เพิ่มขึ้นเป็น 6-7 หวี/ต้น ขณะเดียวกันจังหวัดได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำวิจัยการพัฒนากล้วยหอมทองมาเป็นระยะเวลากว่า 2-3 ปีแล้ว เช่น ระบบการให้น้ำ ระบบการแปรรูป ระบบการควบคุมการขนส่งเพื่อยกระดับไม่ให้ขั้วกล้วยหอมเน่า ซึ่งจะช่วยยืดอายุกล้วยหอมได้มากกว่าปกติประมาณ 10 เท่า โดยอยู่ได้นานถึง 1-2 เดือน จากปกติอยู่ได้เพียง 1 สัปดาห์หลังจากผลสุก รวมถึงการวิจัยแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น เจลทาหน้า ไอศกรีม กล้วยหอมอัดเม็ด สกัดเป็นน้ำหวานเพื่อใช้ประกอบการทำขนม เป็นต้น ปัจจุบันได้วิจัยเรียบร้อยแล้ว อยู่ในขั้นตอนการแนะนำสู่เกษตรกรในพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่แปลงใหญ่
การเตรียมหน่อพันธุ์
- หน่อพันธุ์กล้วยหอมทองปทุมที่ใช้ปลูกควรอยู่ในระยะที่เรียกว่า หน่อใบดาบ มีใบแคบ 2-3 ใบ มีความยาวหน่อ 30-60 เซนติเมตร
- เป็นหน่อที่สมบูรณ์ไม่มีรอยโรคหรือแมลงกัดกิน หากซื้อตามฟาร์มกล้วยควรตรวจสอบประวัติการระบาดของโรคหรือด้วงแมลงก่อน
การเตรียมดิน และหลุมปลูก
- หากเป็นพื้นที่ที่ปลกูคร้ังแรกให้ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 30 เซนติเมตร พร้อมกำจัดวัชพืช และตากดินทิ้งไวป้ระมาณ 7-10 วัน หลังจากนั้น หว่านโรยดว้ยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 2-4 ตัน/ไร่ แล้วไถพรวนดินอีกรอบ
- หากเป็นพื้นที่เดิมให้หว่านโรยด้วยปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักได้เลย
- ไถพรวนดินกลบทำการขุดหลุมปลูกให้ลึก กว้าง และยาว ประมาณ 45-50 เซนติเมตร
- ระยะห่างระหว่างหลุมที่ 2.50×2.50 เมตร ซึ่งจะได้ประมาณ 500 หลุม/ไร่
- เมื่อเตรียมหลุมเสร็จให้ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 5 กิโลกรัม/หลุม และปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 200 กรัม/หลุม พร้อมเกลี่ยดินผสม โดยให้ระดับดินสูงขึ้นจนเหลือความลึกของหลุมประมาณ 15-30 เซนติเมตรขึ้นอยู่กับความสูงของต้นพันธุ์
การเก็บผลผลิต
หลังปลูกกล้วยหอมทองปทุม 6-8 เดือน ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของต้น ซึ่งช่วงนี้กล้วยจะเริ่มแทงปลีแล้ว โดยสังเกตได้จากการแทงใบกล้วยใบสุดท้ายจะมีขนาดสั้น และเล็กมาก เรียกว่า “ใบธง”หลังจากนั้นกลว้ยจะเริ่มแทงปลีออกมา ซ่ึงจากระยะเริ่มแทงปลีจนถึงปลีบานแลว้จะใช้เวลาประมาณ 14 วัน หลังจากปลีบานแล้ว 2-3 วัน หรือ มองเห็นผลมีขนาดสม่ำเสมอกันแล้ว หรือเรียกหวีนั้นว่า “หวีตีนเต่า” จึงให้ตัดปลีออกได้ โดยหวีที่ต่ำกว่าหวีตีนเต่าจะมีขนาดผลเล็ก ผลไม่สม่ำเสมอ ซ่ึงเมื่อเริ่มเห็นหวีลกัษณะนี้ก็เริ่มตัดปลีได้ โดยตัดในต่ำแหน่งที่ต่ำกว่าหวีตีนเต่าลงมา 1 หวีเพราะหากปล่อยทิ้งไวจ้ะทำให้ผลในหวีอื่นๆเติบโตช้า และผลไม่สม่ำเสมอได้กล้วยหอม
หลังจากการปลูกแล้วประมาณ 10 -11 เดือน จะเริ่มเก็บเครือได้ โดยมีระยะหลังปลูกถึงแทงปลี 7-8 เดือน และหลังจากแทงปลีจนเก็บเครือได้ 70-80 วัน โดย 1 เครือ จะมีหวีประมาณ6 -10 หวี และ 1 หวี มีผลประมาณ 10 -16 ผล หรือมากกว่า หากดินมีความสมบูรณ์หลังจากตัดปลีประมาณ 70-80 วัน จะเริ่มเก็บเครือหรือผลได้ทั้งนี้หากเป็นการส่งจำหน่าย จำเป็นต้องเก็บก่อนผลสุกหรือผลเหลือง ประมาณ 3 วัน ซึ่งเวลานิยมเก็บในช่วงเช้าตรู่
Reviews
There are no reviews yet.