หัวข้อที่สำคัญ
ใบชะพลู หรือผักอีเลิด สมุนไพรที่กินเพื่อป้องกันโรคได้อย่างน่าประหลาดใจ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
กินง่าย ทั้งกินใบสดหรือนำมาใบแห้งมาชงเป็นชาดื่มร้อนๆ ยังซื้อหาได้ง่ายในราคาที่ไม่แพง กลุ่มเกษตรกรในตำบลน้ำคอก อำเภอเมือง จังหวัดระยองซึ่งปลูกกันตามบ้าน สวน และพื้นที่ว่างเปล่า แบบปลอดสารพิษ ตัดใบสดขายทุกวัน ส่วนที่เหลือก็นำมาเป็นชาชง สำหรับดื่มเป็นประจำได้อีกด้วย
มีชื่อสามัญว่า Wildbetal leafbush ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Piper sarmentosum Roxb. จัดอยู่ในวงศ์พริกไทย (PIPERACEAE) มีชื่อเรียกตามท้องถิ่นอื่นๆ ว่า ผักพลูนก พลูลิง ปูลิง ปูลิงนก ผักปูนา (ภาคเหนือ), ผักแค ผักอีเลิด ผักนางเลิด (ภาคอีสาน), ช้าพลู (ภาคกลาง), นมวา (ภาคใต้) เป็นต้น
เป็นพืชล้มลุก ชอบขึ้นตามที่ลุ่มต่ำ หรือที่ชื้นแฉะข้างลำธารในป่าดิบแล้ง ชอบแดดแบบรำไร ปัจจุบันมีการนำมาปลูกตามบริเวณรอบบ้าน พบได้ในทุกจังหวัดของประเทศไทย ลำต้นทอดคลานไปตามพื้นดินสูง 30-80 เซนติเมตร ลำต้นสีเขียว มีไหลงอกเป็นต้นใหม่ มีรากงอกออกตามข้อ
“ใบ” เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ แผ่นใบบาง ผิวใบเรียบสีเขียวเข้มเป็นมัน ใบรูปหัวใจกว้าง 5-10 ซม. ยาว 7-15 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบเว้า
“ดอก” ออกเป็นช่อที่ซอกใบรูปทรงกระบอก ดอกเล็กสีขาวอัดแน่นอยู่บนแกนช่อดอก ดอกแยกเพศ
“ผล” เป็นผลสด กลม อัดแน่นอยู่บนแกน
อาหารที่มีสรรพคุณทางยาแบบนี้ไม่ใช่หรือที่เราต้องการ?
มีรสเผ็ดร้อน ช่วยทำให้เจริญอาหารมากยิ่งขึ้น ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระต่างๆ ซึ่งเป็นวิธีการปรับภูมิร่างกายให้กลับมามีสมดุลอีกครั้ง จากการกินอาหารประจำวัน วิธีง่ายๆ แบบนี้ไม่ใช่หรือที่เราคนในยุคดิจิตอลต้องการ เราไม่ได้ต้องการรักษาโรค แต่เราต้องการการป้องกันโรค ซึ่งสมุนไพรใช้ในการประกอบอาหารแสนอร่อยและป้องกันโรคได้ด้วยดีมั้ยหล่ะ?
มีเบต้าแคโรทีนในปริมาณมาก ซึ่งช่วยบำรุงและรักษาสายตา ช่วยในการมองเห็น ป้องกันโรคตาบอดตอนกลางคืน แก้โรคตาฟาง เป็นต้น ช่วยยับยั้งและชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน และช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน และช่วยในการขับถ่าย เนื่องจากมีเส้นใยในปริมาณมาก
1. ต้านการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด
2. ลดกลิ่นปาก ต้านเชื้อแบคทีเรีย
3. ลดระดับน้ำตาลในเลือด บรรเทาอาการโรคเบาหวาน
4. ปริมาณโปรตีนสูง มีคุณค่าทางโภชนาการ ทำให้เจริญอาหาร
5. ลดการหดตัวของกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการปวดเมื่อยของร่างกาย
6. ลดการบีบตัวของลำไส้เล็ก
7. บรรเทาโรคหืด
8. แก้ และป้องกันโรคบิด
9. แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ขับลม บำรุงธาตุ
10. ช่วยขับเสมหะ
11. ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระต่างๆ
12. ช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน
ใบ, ราก, ต้น ช่วยในการขับเสมหะบริเวณทรวงอก ลำคอ
ดอก, ราก ช่วยทำให้เสมหะงวดและแห้ง ช่วยขับลมในลำไส้ ด้วยการใช้รากประมาณ 1 กำมือนำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวจนเหลือ 3 ใน 4 ถ้วยแก้ว แล้วรับประทานครั้งละ 1 ส่วน 4 ถ้วยแก้ว
ราก ช่วยบำรุงธาตุ แก้ธาตุพิการ ช่วยในการขับเสมหะทางอุจจาระ ช่วยแก้อาการบิด ด้วยการใช้รากประมาณครึ่งกำมือ ใช้ผลประมาณ 3 หยิบมือ นำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวจนเหลือ 1 ถ้วยแก้ว แล้วนำมาดื่มครั้งละ 1 ส่วน 4 ถ้วยแก้ว
ราก เป็นหนึ่งในส่วนผสมของตำรับสมุนไพรพิกัดยาตรีสาร ซึ่งช่วยบำรุงธาตุ บำรุงโลหิต แก้คูถเสมหะ ราก, ทั้งต้น ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่นท้อง ด้วยการใช้รากประมาณ 1 กำมือ นำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวจนเหลือ 3 ใน 4 ถ้วยแก้วแล้วรับประทานครั้งละ 1 ส่วน 4 ถ้วยแก้ว ใช้ทั้งต้น ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการใช้ชะพลูสดทั้งต้นประมาณ 7 ต้น นำมาล้างน้ำให้สะอาด ใส่น้ำพอท่วมแล้วต้มให้เดือดสักพัก แล้วนำมาดื่มเป็นชา


ประโยชน์ของใบชะพลู
สามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น แกงคั่วไก่ แกงคั่วหอยขม หมูห่อ ไข่น้ำ ยำตะไคร้ เมี่ยงปลาเผา ผัดป่า แกงอ่อม ยำปลาทู เป็นต้น
ชา เหมาะสำหรับคนที่รักสุขภาพ และนิยมชาสมุนไพรไทย ซึ่งการดื่มชาก่อนนอน หลังจากทานเนื้อสัตว์ในมื้อเย็นจะช่วยให้ระบบย่อยอาหาร สามารถย่อยเนื้อสัตว์ได้เร็วขึ้นและไม่มีไขมันตกค้างในระบบย่อยอาหาร ตัวอย่างเช่น การกินให้ทำให้เป็นประโยชน์ ง่ายๆ ด้วยการกินหมูย่างห่อด้วยใบชะพลู จะช่วยจับไขมันจากหมูย่าง และย่อยสลายได้แบบหมดเกลี้ยงทีเดียวแหล่ะ
ใบ นิยมนำมากินกับเมี่ยงคำ ซึ่งเป็นอาหารว่างชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าทางสมุนไพรสูง เป็นที่นิยมของคนไทย และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันโรงแรมชื่อดังหลายแห่ง เสิร์ฟเมี่ยงคำเป็นออร์เดิฟ ให้ลูกค้าในมื้อเย็นด้วย
สารอาหารสำคัญที่พบ ได้แก่ แคลเซียม และสารเบต้า-แคโรทีน ซึ่งมีในปริมาณสูง และน้ำมันหอมระเหย (Volatile Oil) ที่ประกอบด้วยสารในกลุ่ม Lignans และ Alkaloids และสารอื่นดังแสดงด้านล่าง
คุณค่าทางอาหาร (ในน้ำหนักแห้ง 100 กรัม)
– พลังงาน 101.00 กิโลแคลอรี่
– โปรตีน 5.40 กรัม
– ไขมัน 2.50 กรัม
– คาร์โบไฮเดรต 14.20 กรัม
– แคลเซียม 298.00 มิลลิกรัม
– ฟอสฟอรัส 30.00 มิลลิกรัม
– เหล็ก 4.63 กรัม
– วิตามินบี1 0.09 กรัม
– วิตามินบี2 0.23 กรัม
– ไนอาซีน 3.40 กรัม
– วิตามินซี 22.00 กรัม
– เบต้า แคโรทีน 414.45 ไมโครกรัม
– ใยอาหาร 6.90 กรัม


ข้อควรระวัง
ใบสดไม่ควรรับประทานมากเกินไป หรือไม่ควรกินเป็นประจำก็เพราะมีผลึกแคลเซียมออกซาเลต (Oxalate) สูง จะทำให้เวียนศีรษะ และอาจทำให้เกิดนิ่วในไต หรือทางเดินปัสสาวะได้
ดังนั้น จึงควรดื่มน้ำตามมากๆ เพื่อให้สารออกซาเลตเจือจางลง และถูกขับออกทางปัสสาวะ หรือควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์อย่างสูงสุดนะขอรับ
ถึงแม้ประโยชน์มากมาย แต่ควรเลือกที่ปลูกแบบปลอดสารเคมีด้วยนะ เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด และไม่มีอันตรายแอบแฝงมาด้วย
การปลูกและดูแล ชะพลู
เป็นผักสวนครัวที่ปลูกดูแลง่าย นิยมขยายพันธุ์ด้วยวิธีการตัดหรือเด็ดกิ่งก้านส่วนยอดของต้น โดยให้มีใบติดอยู่สัก 2-3 ใบ นำมาปักชำในกระถางหรือแปลงปลูกที่มีดินร่วนซุย
ปลูกในระยะห่าง 10-15 เซนติเมตร วางกระถางในบริเวณที่ร่มรำไร รดน้ำวันละ 1 ครั้ง จะออกรากและเติบโตเป็นต้นภายใน 1-2 เดือน ควรใส่ ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกบำรุงต้นและใบ ทุก ๆ 3 เดือน
จุดอ่อนที่ต้องระวัง
“ อาการใบหงิก ”
โดยทั่วไปมักไม่มีโรคหรือแมลงศัตรูเข้าทำลาย แต่ในช่วงฤดูแล้ง อาจเจอปัญหา อาการใบหงิก จากการเข้าทำลายของเพลี้ยไฟ และ ไรขาว
เพลี้ยไฟ เป็นแมลงศัตรูพืชที่มีขนาดเล็กมาก ชอบเกาะดูดกินน้ำเลี้ยงที่บริเวณใต้ใบพืช การระบาดจะรุนแรงในช่วงแล้ง เข้าดูดน้ำเลี้ยงที่ยอดอ่อน และใบอ่อนของพืช ทำให้ต้นแคระแกร็น ใบห่อม้วนขึ้นด้านบนทำให้ผลผลิตและคุณภาพของพืชชนิดต่างๆ ลดลง
เมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าแล้ง หรือฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน ให้ใช้มือจุ่มลงในน้ำแล้วลูบที่บริเวณใต้ใบ หากมีแมลงขนาดเล็กสีน้ำตาลติดมือขึ้นมา แสดงว่าเพลี้ยไฟเริ่มระบาด แก้ไขโดยฉีดน้ำหรือพ่นน้ำเพื่อเพิ่มความชื้นให้สูงขึ้น ฉีดซ้ำอีก 2-3 ครั้ง โดยเฉพาะบริเวณใต้ใบ ในที่สุดเพลี้ยไฟก็จะบินหนีไปหากินที่อื่น กรณีที่แสดงอาการเพียงเล็กน้อยให้เด็ดทิ้งทั้งต้น และนำไปเผาทำลาย ป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดของเพลี้ยไฟมากขึ้น
หากเกิดการระบาดรุนแรง ให้ฉีดพ่นด้วย เซฟวิน 85 เปอร์เซ็นต์ ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 20-30 กรัม ต่อน้ำ 1 ปี๊บ ให้ทั่วทรงพุ่ม โดยเฉพาะใต้ใบและให้งดใช้ก่อนเก็บผลผลิตไปบริเวณอย่างน้อย 2 สัปดาห์
ไรขาว เป็นแมลงศัตรูพืช ประเภท 8 ขา เช่นเดียวกับแมงมุม แต่มีขนาดเล็กมาก มองด้วยตาเปล่าเกือบไม่เห็น ไรขาวมักเข้าทำลายต้นพืชในช่วงที่มีฝนตกชุก อากาศชื้นที่บริเวณตาดอกและยอดอ่อน ทำให้ต้นชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตน้อยลง ลักษณะของการทำลาย จะทำให้ใบพืชเรียวแหลม ขอบใบม้วนงอลงด้านล่าง และยอดหงิกงอเป็นฝอย เมื่อพบการระบาดยังไม่รุนแรง ให้เด็ดส่วนที่มีการระบาดเผาทำลายทิ้ง หากพบการระบาดรุนแรงให้ฉีดพ่นด้วยกำมะถันผง มีผู้ผลิตจำหน่ายเป็นการค้า ได้แก่ ไธโอวิท 80 เปอร์เซ็นต์
ดับเบิ้ลยูพี หรืออิโคซัลฟ์ 80 เปอร์เซ็นต์ ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 60-80 กรัม ต่อน้ำ 1 ปี๊บ ฉีดพ่นให้ทั่วทรงพุ่ม 2 ครั้ง ห่างกัน 5 วัน การระบาดของไรขาวจะหมดไปและควรงดใช้สารดังกล่าวก่อนเก็บเกี่ยวผลผลิต 1 สัปดาห์
"แต่เกษตรในกลุ่มของเราซึ่งรวมตัวกันปลูกเพื่อจำหน่าย นิยมใช้น้ำยาล้างจานผสมน้ำ ในการกำจัดเพลี้ยต่างๆ และใช้นำส้มสายชู ผสมน้ำหมักใบสายูบ และเหล้าขาว เพื่อป้องกันแมลงเหล่านี้ นับว่าเป็นวิธีที่ประหยัดและปลอดภัย ทั้งคนกินและคนปลูก อีกทั้งยังเป็นกรรมวิธีทางธรรมชาติในการรักษษแมลงชนิดดี ให้มีปริมาณเพิ่มขึ้น และช่วยกำจัดศัตรูต่างของพืชแทนเราได้อีกด้วย"
นอกจากนี้ ชะพลู ยังมีสรรพคุณทางยาอีกมากมาย ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่